คุณเคยได้ยินเสียง “จิ้งหรีด” หรือ “หึ่งๆ ซ่าๆ” อยู่ในหูไหม?
ทั้งที่รอบตัวเงียบสนิท... แต่มันดังอยู่ในหูเราเพียงคนเดียว?
อาการนี้เรียกว่า "เสียงดังในหู" (Tinnitus)
บางรายแค่รำคาญนอนไม่หลับ
แต่บางราย...อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงก็ได้!
การจำแนกประเภทของเสียงดังในหู (Tinnitus Classification)
โดยทั่วไป เสียงดังในหูสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. Subjective Tinnitus (เสียงดังในหูชนิดที่ผู้ป่วยได้ยินคนเดียว)
- เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด
- ลักษณะอาการ คือ ผู้ป่วยเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้ยินเสียงดังในหู บุคคลอื่นไม่สามารถตรวจพบได้
- กลไกมักเกิดจากความผิดปกติของระบบการได้ยิน ไม่ว่าจะเป็น หูชั้นใน (cochlea), ประสาทหู (auditory nerve) หรือการประมวลผลเสียงในสมอง (central auditory pathway)
สาเหตุที่พบได้บ่อย:
- การสูญเสียการได้ยินจากอายุ (presbycusis)
- ขี้หูอุดตัน
- การสัมผัสเสียงดังเรื้อรัง (noise-induced hearing loss)
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด (เช่น aminoglycosides, aspirin, loop diuretics, platinum-based chemotherapy)
- แรงดันเปลี่ยน เช่น ดำน้ำลึก-ขึ้นที่สูง
- โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง
- โรคเฉพาะทางหู เช่น Ménière’s disease หรือภาวะ acoustic neuroma
- แก้วหูทะลุ
2. Objective Tinnitus (เสียงดังในหูชนิดที่แพทย์ตรวจพบ)
- เป็นชนิดที่พบได้น้อยมาก
- ลักษณะอาการ คือ เสียงดังในหูที่สามารถตรวจพบได้จริง โดยแพทย์สามารถฟังได้ผ่านการใช้ stethoscope หรือเครื่องมือเฉพาะ
- กลไกที่เกี่ยวข้องเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงทางกายภาพภายในร่างกาย เช่น การไหลเวียนของเลือดหรือการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
สาเหตุที่พบได้บ่อย:
- ความผิดปกติของหลอดเลือด (vascular anomalies) เช่น arteriovenous malformation, carotid stenosis, aneurysm
- ภาวะที่ทำให้เกิดเสียงร่วมจังหวะกับชีพจร (pulsatile tinnitus)
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณหูชั้นกลางหดตัวผิดจังหวะ (tensor tympani หรือ stapedius muscle spasm)
- ความผิดปกติของโครงสร้างในกะโหลกศีรษะหรือหูชั้นกลาง
วิธีดูแลและรักษา
รักษาตาม “สาเหตุ” ถ้ารักษาได้ เช่น ขี้หูตัน หรือการติดเชื้อ
ถ้าเกิดจาก ประสาทหูเสื่อม อาจไม่หายขาด แต่ต้องป้องกันไม่ให้แย่ลง
เคล็ดลับช่วยบรรเทาอาการ
✔ หลีกเลี่ยงเสียงดัง
✔ งดบุหรี่ คาเฟอีน
✔ พักผ่อนให้เพียงพอ
✔ เปิดเพลงเบา ๆ กลบเสียง
✔ ออกกำลังกาย ลดเครียด